ถึงแม้ว่าการรักษาโดย CBT-i (cognitive behavioral therapy for insomnia) จะได้รับการยอมรับว่าเป็นการรักษาที่แนะนำให้ใช้เป็นอันดับแรกของโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง แต่อย่างไรก็ตามก็มีผู้ป่วยบางรายที่จำเป็นต้องใช้ยานอนหลับ อาทิเช่น ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วย CBT-i ผู้ป่วยที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาด้วย CBT-i ได้เนื่องจากในประเทศไทยยังมีผู้บำบัดที่เชี่ยวชาญอย่างจำกัด การใช้ยานอนหลับจึงมีบทบาทในการช่วยรักษาโรคนอนไม่หลับ
การใช้ยานอนหลับควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
ผู้ป่วยไม่ควรซื้อมารับประทานเองเนื่องจากยานอนหลับบางกลุ่มเมื่อใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจก่อให้เกิดปัญหาการติดยาได้ กล่าวคือต้องเพิ่มปริมาณการใช้ขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ตนเองนอนหลับได้และเมื่อหยุดใช้ยาทันทีอาจทำให้อาการนอนไม่หลับรุนแรงมากขึ้น ยานอนหลับที่ออกฤทธิ์นานจะส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการง่วงนอนตอนกลางวัน มึนงง ตลอดจนเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุหกล้มในผู้สูงอายุได้
นอกจากนี้แล้วฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อที่เกิดจากยานอนหลับบางกลุ่มอาจส่งผลให้อาการของภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นแย่ลงได้
หลักกการของการใช้ยานอนหลับคือ
เริ่มใช้ปริมาณที่น้อยที่สุดที่ช่วยให้ผู้ป่วยนอนหลับได้ และเมื่ออาการนอนไม่หลับดีขึ้นแล้วควรจะค่อยๆลดปริมาณยาลง จนสามารถหยุดยาได้ในที่สุด โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ยานอนหลับไม่เกิน 4-6 สัปดาห์ ยานอนหลับกลุ่มใหม่ๆที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในปัจจุบัน อาจมีผลข้างเคียงน้อยกว่าในอดีต ตลอดจนมีปัญหาในการติดยาต่ำกว่า และยาบางตัวมีการศึกษาว่าสามารถใช้ได้จนถึง 6 เดือนถึง 2 ปี และเมื่อหยุดยาก็ไม่เกิดอาการนอนไม่หลับกลับเป็นซ้ำ อย่างไรก็ตามยังต้องมีการศึกษาถึงประสิทธิภาพและผลข้างเคียงเพิ่มเติมต่อไป
© www.sleepmindclinic.com. All Rights Reserved.
Powered by KPK Computer