18/18 อาคาร Empire residence ถ.ราชพฤกษ์ ตำบลมหาสวัสดิ์ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี 11130 จันทร์-ศุกร์ 17.00-21.00 น. | เสาร์ 10.00-17.00 น.
Add Line
@sleepmind

จิตบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมสำหรับโรคนอนไม่หลับ (Cognitive Behavioural Therapy for insomnia, CBT-i)

CBT-i คืออะไร

CBT-i (cognitive behavioral therapy for insomnia) หรือจิตบำบัดทางความคิดและพฤติกรรมสำหรับโรคนอนไม่หลับ เป็นการรักษาโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดที่ไม่เหมาะสมซึ่งรบกวนการนอนหลับ การศึกษาและแนวทางปฏิบัติจำนวนมากจัดให้ CBT-i เป็นการรักษาโรคนอนไม่หลับที่เป็นมาตรฐานและแนะนำให้แพทย์ใช้ CBT-i ในการรักษาโรคนอนไม่หลับเรื้อรังก่อนที่จะใช้ยานอนหลับ

“เป้าหมายหลักของการรักษาด้วย CBT-i คือ ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น โดยอาจไม่จำเป็นว่าชั่วโมงการนอนหลับของผู้ป่วยจะต้องมากขึ้นเสมอ”

ใครบ้างที่เหมาะสมกับการรักษาด้วย CBT-i

ผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับเรื้อรังที่ตรวจแล้วไม่มีสาเหตุจากโรคอื่น ๆ (primary insomnia) ได้แก่ ผู้ป่วยที่สุขอนามัยการนอนหลับไม่ดี ผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมบนเตียงนอนไม่เหมาะสม ผู้ป่วยที่วิตกกังวลตื่นตัวง่ายก่อนเข้านอน เป็นต้น

CBT-i เหมาะสมกับผู้ป่วยทุกคนหรือไม่

แม้ CBT-i จะไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงแต่อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะเข้ารับการรักษาด้วย CBT-i เสมอ เนื่องจากการรักษาด้วย CBT-i อาจส่งผลให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว บางอย่างมีอาการแย่ลงได้ เช่น โรคลมชัก โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั่น โรคหัวใจที่อาการยังไม่คงที่ โรคจิตเภท หรือโรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว เป็นต้น เนื่องจากบางเทคนิคผู้ป่วยจะต้องมีการจำกัดการนอนหลับ

ประสิทธิภาพของการรักษาด้วย CBT-i

การศึกษาพบว่าผู้ป่วยโรคนอนไม่หลับร้อยละ 70-80 ได้รับประโยชน์จากการรักษา โดยผลในระยะสั้น CBT-i มีประสิทธิภาพไม่แตกต่างจากยานอนหลับ แต่ในระยะยาวพบว่าผลการรักษาจะคงอยู่นานมากกว่า นอกจากนี้ผู้ป่วยยังเกิดผลข้างเคียงน้อยกว่าการใช้ยานอนหลับอีกด้วย

เทคนิคของการทำ CBT-i ประกอบไปด้วย

การปฏิบัติตามสุขอนามัยการนอนหลับที่ดี เทคนิคการผ่อนคลาย เทคนิคการควบคุมสิ่งเร้า เทคนิคการจำกัดการนอนหลับ และเทคนิคการปรับเปลี่ยนความคิดที่ไม่เหมาะสมต่อการนอนหลับ

“การรักษาด้วย CBT-i เป็นเหมือนการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์ รูปแบบของกิจกรรมมีทั้งการบรรยาย การแลกเปลี่ยน ความคิด/ความเห็น การฝึกปฏิบัติจริง และการทำการบ้านซึ่งมี วัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยได้ฝึกฝนให้เกิดความชำนาญด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น”